🏢 เริ่มงานที่ใหม่ได้ 4 วัน ลาออกเลย ช๊อตฟีลเวอร์ 🥺

มาค่ะ ภาคต่อ 🏢

📍ช่วงที่หมีลาออกจากงานสายการบินเนี่ยะ

ก็ว่างแหละ ยังไม่รู้จะทำอะไร ก็เลยไปร่วมงาน

Job Fair บริษัทนึง ออฟฟิศอยู่ย่าน bts ช่องนนทรี

เป็น บริษัท มหาชนนี่แหละ งานที่ไป pre-interview

เนี่ยะ ก็อารมณ์ คล้ายๆ Sales เหมือนกับ งานหาลูกค้ามาเช่าสถานที่ ขอไม่ลงรายละเอียดเยอะนะคะ 🥹

📍พอเหมือนผ่าน pre-screen แล้ว เค้าก็ชวน Candidates ทั้งหมด ที่ผ่าน pre เนี่ยะไปทำ workshop ต่างๆ แล้วก็ สัมภาษณ์แบบ 1:1 คงดู สังเกตุ นิสัยใจคอ ภาวะผู้นำ การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า การขาย อะไรประมาณนี้นะคะ หลังจากนั้นก้แยกย้าย แล้วก้แลก contact กับเพื่อนๆในรถที่นั่งไปด้วยกันมา

📍 สุดท้ายเราได้ call ค่ะ ตกลงเงินเดือน สัญญาอะไรกันเสร็จเรียบร้อย เข้าสนง.ใหญ่ มีเพื่อนที่ไป workshop พร้อมกัน เข้ามาทำงานก่อนแล้ว 3 คน และ มีเราอีกคนนึงมา signed contract พร้อมกัน

~ มาถึงจุดพีค และ หายนะ ที่กำลังจะเกิดขึ้นกับเราแล้วนะคะ

คัลเจ้อช้อคแบบ มาเป็นระลอกๆ กลับบ้านนอนร้องไห้ทุกวัน

ร้องไห้จนไม่อยากตื่นไปทำงาน สุดท้ายโทรหาที่บ้าน บอกว่าอยากลาออก ที่บ้านบอกว่า ลูกโตแล้วพ่อเคารพการตัดสินใจของลูก โอเค จบ วันที่ 5 ไปยื่นใบลาออกเลย โบกมือลา ช่องนนทรี บ้ายๆบ่าย ลาก่อยยยยย 🤗🤗

*Disclaimer*

มุมมองทั้งหมด เป็นความเห็นส่วนตัวของหมีล้วนๆนะคะ

** ขอบอกแบคกราวส่วนตัวหมีคือไม่มีรถยนต์นะคะ ที่ผ่านมาเพิ่งย้ายมาอยู่กทม.ไม่ถึง2 ปี และเดินทางไปต่างประเทศแบบเกือบๆทุกเดือนแทบจะไม่ได้อยู่กทม.เลยจนกระทั่งมีโควิดแล้วปิดประเทศนั่นแหละ ถึงจะได้อยู่กทม. แบบจริงๆ และมุมมองส่วนตัวเราคิดว่ารถเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น ถ้าทำงานแถว cbd เนี่ยะก็จะสามารถเดินทางโดยขนส่งสาธารณะได้นั่ง bts/mrt อยู่แล้ว ออฟฟิศก็อยู่ใจกลางเมืองด้วย

จุดหายนะ culture shock แรกเลย

1. ไม่มี work life balance คือเรารู้ว่างานคือต้องไปหา ลค เพื่อที่จะมาเช่า พท. พอหาลูกค้าเสร็จ กลับบ้านถึงบ้านแบบ 19.00 น. ประชุม microsoft team ต่อตอน 21.00 น. เพื่อทำ presentation ว่าไปเจอลค. มามี potential ไหมอะไรยังไง คือถ้าวันนั้นไปพบ 3 ลค. ก็ต้องทำ 3 presentations อะ คืองง มาก เช้าก็ต้องตื่น 06.00 น. ไปทำงานต่อให้ถึงที่ทำงาน 08.00 น. เพราะปกติ เราจะส่ง weekly report อยู่แล้ว แต่นี่มันคือแบบ daily เลย งง มาก ช้อค1 กรุบแล้ว

2. ไม่มีพวก procedure พวก wi เลย เป็นอารมณ์แบบชั้นทำแบบนี้มานะ เธอไปทำต่อแบบนี้ๆๆๆ เค ได้! โอเคพอทราบว่าต้อง cold call เราทำได้ค่ะ cold call ไปแนะนำตัว แนะนำสถานที่ ต่างๆ บลาๆ

3. เรื่องรถ พอเราไม่มีรถ ตอนแรกเราคิดว่า บริษัท ให้เบิกคชจ เวลาเดินทางไปพบลูกค้าได้ แต่ขอโทษค่ะ ลค ส่วนใหญ่คือ นิคมอุตสาหกรรม แบบ ไกลมาก ยังไงก้ต้องมีรถค่ะ แต่ตอนสัมภาษณ์ หัวหน้าคนแรกบอกว่า มปร แกนั่ง grab ก่เอาใบเสร็จมาเบิกได้ แต่อีกคนพูดว่า มันเป็นปัญหาของน้องไม่ใช่ปัญหาของพี่ น้องต้องไปแก้ปัญหาตรงนี้มา เราก้เลยไปนอนคิดมา

4. เจอคน toxic ในองค์กร ไม่ขอเล่านะคะ ตรงนี้เราคิดว่า sensitive มาก ไม่เล่าดีกว่า มันผ่านมาแล้ว

👏🏻 สุดท้ายแล้วพอวันที่ 5 หมีไปยื่นลาออกกับ HR เลยค่ะ

ให้เหตุผล ไปว่า ติดเรื่องรถ ต้องไปพบลูกค้า คนอื่นอาจจะมองว่าหมีไม่อดทนเลย ทำงาน 4 วันเอง แค่นี้ก็ทนไม่ได้ เราจะบอกว่า ตอนที่สัมภาษณ์กับเซ็นต์สัญญา หมีอาจจะไม่ได้ถามบริษัทให้ชัดเจนเองค่ะ เพราะตอนสัมภาษณ์ไม่ได้ระบุเลยว่าจำเป็นต้องมีรถและมีใบขับขี่ พอมาทำงานจริงๆแล้วแบบ เออมันติดปัญหาค่ะ แล้วมีคนนึงพูดกับเราว่า อย่าหาว่าพี่สอนเลยนะ เราก็ต้องมีรถแหละ จะทำให้เราสะดวกขึ้น แต่สำหรับเรา รถมันไม่ได้จำเป็นค่ะ ถ้าเราเป็นหนี้รถ 6-8 แสน ไม่รวมค่าบำรุงรักษาอีก เราไม่อยากมีค่ะ ภาระเราจริงๆ พี่ไม่ได้มาช่วยดาวน์กับผ่อน ยังไงก็ขอบคุณนะคะที่แนะนำ แต่คิดว่า ชีวิตเราไม่อยากเป็นหนี้เป็นแสนๆ เผื่อมาติดแหงกอยู่บนถนนค่ะ 🥹

👩‍💻 ที่ตัดสินใจลาออกก่อนผ่านโปรเนี่ยะ ก็คือเราไม่อยากให้องค์กรเสียเวลากับเราด้วยค่ะ คือถ้าเราติดปัญหาเรื่องนี้ยิ่งทำงานนานๆไป มันอาจจะเกิดผลเสียกับองค์กรได้ เพราะว่าเราไม่มีประสิทธิภาพในการทำงานในการออกไปหาลูกค้ามุมมองส่วนตัวเราก้ต้องแก้ปัญหาโดยการออกลาออกดีกว่า บริษัทจะได้หาคนที่สามารถมาทำงานกับเค้าได้จริงๆ

คือไม่ใช่ตัวองค์กรไม่ดีนะคะ

แค่เราอาจจะไม่เหมาะสมกับองค์กรเท่านั้นเองค่ะ

คือกรณีคหสต เราคือ ถ้าเราไม่เหมาะกับวัฒนธรรมองค์กรแบบไหน ก็ออกมาเลยค่ะ แล้วเดินหน้าใหม่ เค้าจะได้ไม่เสียเวลากับเรา ก้เราก็จะได้ไม่เสียเวลากับเค้าด้วย มันอาจจะดูแย่นะคะ แต่สุดท้ายแล้ว สุขภาพใจเราสำคัญที่สุดค่ะ

วันที่เราจะต้องไปหาจิตแพทย์ ไม่มีใครมานั่งสงสารเรานะคะ

มีแต่เราเท่านั้นค่ะที่จะโอบกอดตัวเองได้

สำหรับบางคนมันอาจจะทำยากจริงๆ เราเข้าใจและก็ไม่ตัดสินใครทั้งนั้นค่ะ เราแค่อยากมาแชร์ สิ่งที่เราเจอมาเฉยๆเท่านั้นเองเลย อ่อนแอได้ค่ะ แต่อย่าลืมใจดีกับตัวเองนะคะ

#ติดเทรนด์ #รีวิวชีวิตทำงาน #รีวิวชีวิตผู้ใหญ่ #รีวิวชีวิตวัยทำงาน #รีวิววัย30 #lemon8review #ชีวิตสาวทำงาน #จิตวิทยา #เจาะลึกการงาน