ย้ายมาสายงาน IT ยากไหม?

จากคอมเม้นท์ของเพื่อนชาว Lemon ในโพสต์ก่อนหน้าที่ได้ถามผมว่า

❓จบมาไม่ตรงสาย อยากเปลี่ยนมาสายงาน IT หางานยากไหม / ต้องเริ่มจากอะไร

ผมจึงขอแชร์จากมุมมองของผมและจากประสบการณ์ที่เคยถามเพื่อน/รุ่นพี่ที่ร่วมงานกันมานะครับ

หางานยากไหม ❓❓❓

🤔 อยากให้ลองมองอย่างนี้ดูครับ สมมติเป็นอาชีพอื่นเลย ไม่ว่าจะอาชีพไหนๆ ถ้าเราจบไม่ตรงสายแล้วย้ายสายงานมา จะหางานยากไหม?

คำตอบคือ ยากอยู่แล้วครับ แต่❗

ยากตอนที่หางานแรกนี่แหละ (ตอนนี้เราจะพูดถึงแค่ระดับ junior นะครับ เพราะพึ่งย้ายสายงานมา ไม่ว่าจะงานไหนเราก็ต้องหางานที่เค้ารับคนมีสกิล/ประสบการณ์ไม่มากอยู่แล้ว)

ลองคิดดูว่าถ้าเราเป็นนายจ้าง อยากได้คนไปทำหน้าที่ตามนี้ 1,2,3,4 ถ้าคนที่สมัครมา จบไม่ตรงสาย ยังไม่เคยทำงานสายนี้มาก่อน เป็นเราก็คงคิดแล้วคิดอีกว่าจะรอดไหม จ้างมาแล้วจะไหวไหม สายงานนี้เวลาสมัครงานก็มักจะมีข้อสอบให้ทำอยู่แล้ว ที่เราต้องทำคือก็ต้องทำข้อสอบนั้นให้ผ่านนั่นแหละ ให้เค้าว้าว ถึงจะมีโอกาสได้งาน

แต่ก็.. พูดมันก็พูดง่ายเนาะครับ เพราะเจ้าของโพสต์ผ่านมาแล้ว 🤣 งั้นเราไปคำถามต่อไปกันดีกว่า นั่นก็คือ...

แล้วจะทำยังไงหล่ะ ให้บริษัทที่รับสมัครเราต้องมาว้าว และสนใจในตัวเรา

1. สร้างผลงาน / first impression 🤩

จะทำให้เค้าสนใจในตัวเรา โปรไฟล์เริ่มต้นเราก็ต้องมีอะไรให้ดู ให้เค้าคลายข้อสงสัยในตัวเราบางข้อไปได้

ถ้ามาสาย developer ก็ควรจะต้องเตรียม github ไว้ในระดับนึง ทำโปรเจคเล่นๆซัก4-5ตัว ตามภาษาที่เราถนัด ใช้เทคโนโลยีนู่นนี่นั่น ระบุไว้ใน readme ของแต่ละโปรเจคใน github เลย เวลาสมัครก็แนบลิ้งค์ github ไปด้วย อัพเดทให้สม่ำเสมอ เพราะ github จะมีตัว tracking ว่าเรามีความเคลื่อนไหวยังไงบ้างในแต่ละวัน ยิ่งเคลื่อนไหวสม่ำเสมอ(ไม่ต้องทุกวันก็ได้ อาทิตย์ละ3-5วันแล้วแต่เราสะดวก อัพเดทเล็กน้อยแค่ไหนก็อัพเดทไป)

ส่วนสายอื่นเช่น qa/ba หรือ tester ก็ทำผลงานไว้ตามสายงานที่ตัวเองถนัด เช่นเขียน document ระบบนั้นระบบนี้ ออกแบบ flow การทำงานของส่วนนั้นส่วนนี้ ทำไปเลยครับ ได้พัฒนาตัวเองด้วย หาโจทย์ที่เริ่มซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ จะได้ฝึกแก้ปัญหาและพัฒนาสกิลตนเองครับ ทำเสร็จก็เก็บไว้ใช้ตอนสมัครงาน ส่งให้เค้าดูเลยว่าเราใช้สกิลอะไรบ้างที่คิดว่าตอบโจทย์ตำแหน่งงานที่เค้ากำลังเปิดรับ

2. certificate (ใบรับรองต่างๆ) 📃

หลายคนฟังแล้ว โห ใบรับรอง จะรอดไหม ตายแน่ๆเลย กว่าจะได้ใบรับรองมา ต้องเก่งมากแน่ๆ 😱

แต่ความจริงแล้วสำหรับคนที่พึ่งย้ายสายงานมา เอา certificate พื้นฐานได้ก็ถือว่ามีสกิลแล้วครับ

เดี๋ยวนี้คอร์สออนไลน์หลายคอร์สมีใบรับรอง/ใบประกาศให้ด้วยว่าเราศึกษาด้านนี้/ผ่านการทดสอบในเรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเราเอาตัวนี้ไปอัพโปรไฟล์เราได้เลย ยิ่งมีหลายใบยิ่งดี ไม่ได้ยากขนาดนั้น แต่ต้องตั้งใจเรียนนะครับ ไม่ใช่เรียนให้จบๆคอร์สไป แต่เจอบททดสอบจริงดันไม่ผ่าน อย่างนี้ก็ไม่ได้นะครับ 🤣

คำถามที่ทุกคนอยากถามต่อมาคือ...

เรียนที่ไหนหล่ะ🤔

สำหรับผม ผมมีเจ้าหลักๆที่แนะนำคือ

🔴 สำหรับคนสื่อสารภาษาอังกฤษได้ แนะนำ udemy (ส่วนตัวผมเรียนแค่เจ้านี้ เจ้าอื่นยังไม่เคยลอง เพราะคอร์สส่วนใหญ่มีใบรับรองให้ และราคาต่อคอร์สถูกมากกกก) หลักร้อยต้นๆ 😱

***แต่ ต้องใช้วิธีเปิดบัญชีใหม่แล้วซื้อคอร์สใหม่เท่านั้น เพราะพี่แก sale80-90% ให้ลูกค้าใหม่ เวลาผมเรียนอันไหนจบ ผมก็สร้าง gmail ใหม่มาซื้อคอร์สของมันวนไปเรื่อยๆ 🤣 ประหยัดกระเป๋าดี

🔴 Future skill คงได้ยินกันบ้างแหละ เจ้านี้มีคอร์สเยอะมาก สอนเป็นภาษาไทย ราคาก็แล้วแต่คอร์ส ส่วนใหญ่จะหลักพันอัพ แต่ได้ยินจากคนอื่นมาว่าดี ถ้าตั้งใจเรียนจริงๆยังไงก็ได้ความรู้แบบเข้มข้นเลย

🔴 Youtube ฟรีๆมีให้เรียนรู้เยอะเช่นกัน แต่บางทีอาจจะหงุดหงิดตรงที่บางช่องสอนแบบกั๊กๆ แล้วดึงไปซื้อคอร์สของเค้าต่อ ซึ่งถ้าลองเรียนแบบฟรีดูแล้วและเค้าสอนดี ก็ลองซื้อคอร์สไปเรียนดูได้ แต่ข้อเสียคือไม่มีใบรับรองให้(เท่าที่ดูมา) และ เรียนแบบต่อเนื่องลำบาก เพราะบางทีอยากเรียนเรื่องนี้ก็เป็นช่องนี้สอน อีกเรื่องนึงก็อีกคนสอน มันไม่ต่อเนื่องกัน อาจทำให้เหนื่อยกับการหาอีก จึงไม่แนะนำให้เรียนฟรีจนจบเนื้อหา(เอาไว้เรียนรู้หัวข้อย่อยอย่างเดียวน่าจะดีที่สุด)

สรุปคือผมแนะนำว่าให้ซื้อคอร์สเถอะครับ ถือเป็นการลงทุนในตัวเอง แต่ก่อนจะซื้อคอร์สก็อยากให้ลองดูคอร์สให้ดีๆว่าน่าเรียนจริงไหม เนื้อหาเข้มไหม บางคอร์สจะมีวีดีโอแบบดูฟรีให้ลองเรียนก่อนที่เป็นหัวข้อต้นๆของบทเรียน ก็ลองเรียนดูก่อนเลยครับ ไม่ชอบก็เปลี่ยนไปลองคอร์สอื่น ถูกใจการสอนแบบไหนก็ซื้อและเริ่มเลย ✌️

3. สำหรับคนสื่อสารภาษาอังกฤษได้ แนะนำให้โหลดแอพ Linkedin มา และคอยอัพเดทโปรไฟล์ตัวเองอยู่เสมอ เป็นแพลตฟอร์มเกี่ยวกับงานล้วนๆ recruiter ก็เยอะ สนใจบริษัทไหนก็เข้าไปส่องเลยว่าเค้าเปิดรับอยู่ไหม ตำแหน่งไหนเปิดอยู่และตรงกับสายเราก็กดสมัครงานไปเลย ไม่กี่คลิกก็เสร็จสิ้นแล้ว ง่ายมากๆ งานที่น่าสนใจๆที่ผ่านมาของผมก็ล่าใน linkedin นี้แหละ (ส่วนมากเป็นบ.ต่างชาติ อยู่แถวไหน มีสกิลอะไรก็อัพเดทโปรไฟล์ตามนั้น แอพมันจะคอยหางานที่แมทช์กันกับสกิลที่เรามี และอยู่ไม่ไกลจากพื้นที่ที่เราอยู่)

**ตัวนี้อาจไม่ได้ทำให้เราเนื้อหอมอะไรขนาดนั้น แต่อย่างน้อยเรามีตัวตนให้เค้าดู มีผลงานโชว์ในหน้าโปรไฟล์ของตัวเอง วันนึงเดี๋ยวมีคนสนใจก็ทักหาเราเองเลยก็มี ระหว่างนั้นก็ไล่สมัครบริษัท/ตำแหน่งที่เราสนใจไปก่อน

4. ฝึกสื่อสาร ฝึกพูด

งานนี้เป็นงานที่การสื่อสารต้องดีในระดับนึงเลย เค้าจะดูว่ารับเราไปแล้ว จะทำงานกับทีมได้ไหม หรือตำแหน่งไหนต้องคุยหลายฝ่ายยิ่งสำคัญเลย ทำให้เค้าเห็นว่าเราสื่อสารเก่ง เป็นทั้งผู้พูดและผู้ฟังที่ดี กล้าที่จะคิดและเสนอไอเดียของเรา กล้าที่จะสื่อสารกับคนอื่นๆ พยายามทำให้บรรยากาศในการสัมภาษณ์ไม่อึมครึมเกินไป แต่ก็ไม่ใช่ว่าดีดทั้งการสัมภาษณ์นะครับ 🤣 แค่ทำให้เค้าเห้นว่าเราเป็นคนกระฉับกระเฉง อยากทำงานร่วมกับเค้า ทำให้คนสัมภาษณ์รู้สึกว่าตัวบริษัทเค้าเองดูมีค่านั่นแหละ เค้าถึงจะเริ่มสนใจเรา (ไม่ใช่ประจบประแจงนะครับ) ทำให้พอดีๆ ไม่มากไม่น้อยเกินไปครับ

*ที่สำคัญ อย่าเขินอาย อย่าอ้ำอึ้ง หรือ พูดเสียงเบา มีโอกาสทำให้สอบตก

ส่วนแหล่งหางานก็จะมี

1. Linkedin ตามที่แนะนำด้านบน

2. กลุ่มในเฟสบุีค จะมีกลุ่มนึงที่ชื่อ Job for Thai Programmer สมัครไปเลย มีบริษัทหลายขนาด รวมถึง agency/recruiter โพสต์งานในกลุ่มแทบทุกวัน ถ้าพร้อมแล้วก็โพสต์หางานเองได้เลยเช่นกัน แจงรายละเอียดไปว่ามีสกิลอะไรบ้าง สนใจงานตำแหน่งไหน เดี๋ยวมีคนมาติดต่อ/แนะนำเองครับ

อีกกลุ่มที่แนะนำคือ สมาคมโปรแกรมเมอร์ไทย มีสาย IT อยู่ในนี้เยอะมากเช่นกัน พูดคุยกันแทบทุกวันเวลา เข้าไปปรึกษา/หาความรู้เพิ่มเติมจากกลุ่มนี้ได้เช่นกันครับ สมาชิกดีๆเยอะ ช่วยแนะนำและแชร์มุมมองเราได้หลายอย่าง

3. ตามเว็บทั่วไปเช่น jobsdb และอื่นๆ หาตำแหน่งที่สนใจจริงๆและสมัครไปดูเลยครับ ทำให้ดีที่สุดในทุกการสัมภาษณ์ อันไหนไม่ได้อย่าท้อ เก็บมาเป็นบทเรียน ดูว่าแต่ละที่ที่เราสมัครไป เราขาดตกบกพร่องตรงไหนบ้าง แล้วกลับมาพัฒนาตัวเอง และเตรียมตัวให้พร้อมในการสัมภาษณ์รอบถัดไปครับ 💪

ผมขอจบหัวข้อนี้ไว้เพียงเท่านี้นะครับ หากเพื่อนๆมีข้อสงสัยตรงไหน คอมเม้นท์ถามได้เสมอครับ ผมแชร์และให้คำปรึกษาจากประสบการณ์จริงและชีวิตจริงนี่แหละ ไม่มีกั๊กครับ 🤭

#ติดเทรนด์ #รีวิวชีวิตทำงาน #ย้ายสายงาน #มนุษย์เงินเดือน #มนุษย์ทำงาน #มนุษย์ออฟฟิศ #เงินเดือน #ออฟฟิศ #หางาน #แชร์ประสบการณ์