"มีสามี แต่ยังคงต้องมีเงินเป็นของตัวเอง"

Financial Independence ของผู้หญิง

"มีสามี แต่ยังคงต้องมีเงินเป็นของตัวเอง"

มุมมองน่าสนใจจากสัมภาษณ์ #เบลล่าราณี ผ่าน #หนุ่มกรรมชัย และ #ชมพู่อารยา

1) หัวข้อนี้ถูกพูดถึงหนักมากขึ้นในช่วงละคร #สงครามสมรส ออกอากาศ และยิ่งพูดกันหนักขึ้นไปอีก จากข่าวของ #หนุ่มกะลา และ #จูนเพ็ญชุลี คนยิ่งมองเห็นความสำคัญของประเด็นนี้ และเป็นข้อถกเถียงกันว่า 'ผู้หญิงที่มีครอบครัวควรมีเงิน จากงานของตัวเอง หรือสามีเลี้ยงดู นั้นดีแล้ว'

2) ต้องบอกว่าคำตอบของประเด็นนี้ อาจจะไม่ตายตัว เพราะธรรมชาติ ข้อตกลง และเงื่อนไขของแต่ละบ้านไม่เหมือนกัน ดังนั้น การที่แต่ละครอบครัว action แตกต่างกัน เพราะอยู่ในจุดที่สถานะการเงินไม่เหมือนกัน บางบ้านที่ทำงานทั้งคู่ เพราะไม่สามารถพึ่งพารายได้สามีฝั่งเดียวลำพัง หรืออาจจะเป็นเพราะภรรยายังสนุกกับการทำงาน มีสังคมการทำงาน และอยากใช้ชีวิตนอกบ้านด้วย ดังนั้นจึงไม่ได้สามารถสรุปเป็น bible ได้ว่าใครควรใช้ชีวิตยังไง แค่ประเด็นที่นำมาเขียนทำให้เห็นปัญหาความสัมพันธ์ชัดมากขึ้น และเป็น sharing ต่อยอดที่ดี จากคนมีครอบครัวแล้ว อย่างคุณชมพู่ อารยา ที่ให้ความเห็นในมุมมองของปัญหาความสัมพันธ์ไว้อย่างน่าสนใจ

3) ก่อนอื่นเลยต้องเข้าใจก่อนว่า Financial Independence เป็นอิสรภาพทางการเงินที่หมายถึง การที่เรามีเงินมากพอที่จะจับจ่ายใช้สอยไปตลอดได้ โดยที่ไม่ต้องพึ่งพิงใครไปตลอดชีวิต ตรงนี้ ในความหมายของคุณชมพู่คือ มองจุดแข็งของการมีเงินเป็นของตัวเองว่ามันมีคุณค่าในแง่การให้อิสระกับชีวิตในสิ่งที่อยากซื้อหามาเป็นของตัวเองได้ โดยไม่ต้องคอยแบมือขอใคร หรือพึ่งพิงอีกฝ่ายตลอดเวลา

4) ถ้าใครได้ตาม Lifestyle คุณชมพู่ คือ เธอยังคงทำงานอยู่ แม้จะไม่ได้รับละครในช่วงที่มีลูกแล้ว เพราะการไปกองละคร consume เวลา และใช้ความใส่ใจ focus สูง ไม่สามารถเลี้ยงลูก ดูแลครอบครัวได้ดีพอ แต่เธอยังคงมีงาน review สินค้าบน IG, งานเดินพรม, งาน event, และโฆษณาที่ตนเป็น presenter อยู่ ไปจนถึงงานพิธีกรของรายการที่ทำให้เราได้เห็นบทสัมภาษณ์ชุดนี้ นั่นหมายความว่า แม้เธอมีสามีที่โคตรรวย พร้อม support เธอทุกอย่าง แต่เธอไม่ได้ทิ้งงานของเธอไปเสียทั้งหมด แค่หาสมดุล ด้วยการทำงานที่หนักน้อยลง แต่ให้เวลากับครอบครัวสูงขึ้น คือเลือกงาน แต่ยังคง "เก็บช่องทางการมีรายได้ของตนเองไว้อยู่"

5) ถ้าชมพู่รวยขนาดนั้น ไม่ต้องทำงานก็ได้ แล้วอะไรที่ทำให้เธอยังคงทำงานอยู่ คำตอบที่น่าสนใจ ก็คือเหตุผลของเบลล่า นั่นคือ "งานและอาชีพ เป็นหนึ่งในคุณค่าของผู้หญิง" ทำให้รู้สึกมีเกียรติ และเติมเต็มความหมายของชีวิต ที่มันไม่ใช่เรื่องการสร้างความยุ่งเหยิง แต่ความรู้สึกที่ตื่นมาแล้ว ยังมีงานให้ทำ มีคุณค่าในงาน ในอาชีพที่ตัวเองรัก มันคือชีวิตที่ยังมีชีวิตจริงๆ ไม่ได้อุทิศ Part ใด Part หนึ่งของชีวิตทิ้งไปทั้งหมด จนเหลือแต่ความเป็นเมีย หรือแม่ เท่านั้น แต่ยังคงมี Part อื่นๆในชีวิตให้ยังได้รักษาสมดุลแห่งความสุขไว้ได้

6) คำว่า "No Life" คือสภาวะที่มีชีวิต แต่เหมือนไม่มี เพราะเมื่อไม่มีงาน ไม่มีเงินของตัวเอง และชีวิตมีแต่ลูกและสามี สุดท้ายแล้ว ความสุขของชีวิตขึ้นอยู่กับคนอื่นหมดเลย โดยที่ไม่มี part ชีวิตที่เป็นของตนเองจริงๆ มันถูกแขวนไว้บนบทบาทใดบทบาทหนึ่ง จนทอดทิ้งตัวตน สิ่งที่รัก และความสุขในงานไป นั่นทำให้ผู้หญิงหลายคนมีปัญหาสุขภาพจิตได้ง่ายมาก เพราะเมื่อมีปัญหาครอบครัว ครอบครัวล้มเหลว เหมือนชีวิตธอพังทั้งหมด พวกเธอจะไม่เหลือ Part อื่นๆได้ให้เป็นคุณค่าของตัวเธอเลย เมื่อเธอตัดสินใจทิ้งมันไปทั้งหมดในวันที่ตัดสินใจมีครอบครัว

7) ต้องคิดเสมอว่าชีวิตมีความไม่แน่นอน และเราเกิดมาคนเดียว ก็ตายคนเดียว คนที่อยู่ในวันนี้ อาจจะจากเป็นหรือจากตายก็ได้ และเราไม่สามารถแขวนความสุข ความสมหวัง และความสบายกายสบายใจไว้กับมีอยู่ของใครได้ตลอดไป ถ้าวันหนึ่งเขาไม่อยู่ แล้วเราอยู่ไม่ได้ เราจะเอาตัวรอดอย่างไร ชีวิตต้องมี Plan B และพร้อมที่จะก้าวต่อไปได้ โดยลดการพึ่งพิงคนอื่นตลอดเวลา มันมีโอกาสสูงมากที่ชีวิตจะล้มเหลว ในวันที่มีใครคนหนึ่งจากไป ถ้าเราไม่พร้อมตั้งรับกับชีวิต อย่างไม่ประมาท ชีวิตเราจะอันตราย เพราะเรายืนไม่ได้ด้วยตนเอง เรา depend กับคนอื่นมากจนเกินไป

8 ) ในความสัมพันธ์ที่คุณแบมือขอเงินอีกฝ่ายตลอดเวลา คุณจะถูกลดสถานะทางอำนาจในครอบครัวลง กลายเป็นคนที่ถูกควบคุม และต้องทำตามคำสั่ง เพราะเป็นคนหาเงิน เป็นคนมีอำนาจทางการเงิน ดังนั้น เมื่อมีใครสักคนมีอำนาจและสถานะในบ้านสูงกว่าอีกคน มันคือความสัมพันธ์ที่ไม่ Healthy หรือ Toxic Relationship ที่เกิดขึ้นจากการถูกกดขี่ และถูกออกคำสั่ง เพราะไม่มีอำนาจในชีวิตของตัวเอง จากการไม่มีอำนาจทางการเงินไว้จับจ่ายใช้สอยเลย

9) "ใครๆ ก็อยากสบาย" นั่นเป็น insights ที่แท้จริง ไม่เว้นแต่ผู้หญิง ทุกคนเป็นหมด ถ้าเลือกได้ ใครจะอยากลำบาก แต่ลองถามตัวเองดูว่า สุขมันจะอย่กับเราอีกนานเท่าไหร่? แล้วมันสุขจริงไหม เมื่อต้องใช้เงินที่ไม่ได้หามา และไม่มีเงินใช้จ่ายเป็นอิสระของตัวเองจริงๆ? สุดท้ายแล้ว คนเราจะแสวงหาสมดุลทางอำนาจ ไม่มีใครอยากถูกควบคุมในครอบครัว และไม่มีใครอยากถูกด้อยค่า ว่าเป็นคนที่ไม่ได้หาเงินเข้าบ้าน มันคงจะมีวิธีที่ทำให้คืนกลับคุณค่าของตนเองในทางใดทางหนึ่ง สุดท้ายแล้ว ทุกคนจะมีคำตอบเป็นของตัวเอง ว่าอยู่อย่างไรในครอบครัวให้มีความสุข

10) การมี "เงิน" เป็นการสร้างอำนาจที่ทำให้เราสามารถใช้ชีวิตอยู่ด้วยตนเองได้ ไม่ว่าใครจะอยู่หรือตาย และทำให้เรามีอิสระในชีวิตได้ก็จริง แต่สุดท้ายแล้ว เรายังคงต้องการความรัก การเคารพ การยอมรับทางสังคม และความสุขส่วนตัวในการจับจ่ายใช้สอย ทุกอย่างมันไปด้วยกันหมด ชีวิตจึงจะสมดุล ต่อให้สุขในบ้าน ครอบครัวแฮปปี้ แต่ไม่มีเงินซื้ออะไรเป็นของตัวเองได้เลย ก็ไม่สุขอยู่ดี ดังนั้น ความสุขที่เราควรมี คือ สุขที่เราคิดว่ามันพอดีกับเรา แล้วเราจะอยู่กับมันได้ดีขึ้น โดยไม่มีปัญหาสุขภาพจิตมาบั่นทอนชีวิตเราในภายหลัง

ความรักอาจจะไม่ได้ให้เราทุกอย่าง เราต้องออกแบบเองว่า เราอยากมีชีวิตแบบไหน และมีชีวิตครอบครัวอย่างไร เราล้วนเลือก และ design ได้ทั้งหมด ตราบใดที่เรามีคู่ชีวิตที่เคารพชีวิตเรามากพอ

#ตุ๊ดส์review